วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2558

ว่าด้วยเรื่องของดอกไม้

    " ดอก.. .ไม้...ดอกไม้...จะบาน......" เมื่อกล่าวถึงดอกไม้ ก็เป็นที่รู้กันว่า ดอกไม้คือสุดปรารถนาของผู้ที่ชื่นชอบการปลูกต้นไม้ ผู้ปลูกต้นไม้ส่วนใหญ่ปลูกเลี้ยงก็เพื่อหวังจะได้ชื่นชมดอกไม้ ไม่ว่าจะเพื่อความสวยงาม เพื่อได้สูดกลิ่นหอม หรือเพื่อหวังผลเมื่อดอกโรยไปแล้ว จึงบอกได้ว่าดอกไม้คือส่วนสำคัญของการปลูกต้นไม้ นอกจากประโยชน์ที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ในแง่ของพฤกษศาสตร์ ดอกไม้ยังมีส่วนสำคัญในการจำแนกชนิดของต้นไม้อีกด้วย ถ้าจะให้ได้ชื่อว่าเป็น แฟนพันธุ์แท้ดอกไม้ ตัวจริงละก็...มาดูกันว่า ดอกไม้มีส่วนประกอบอะไร และมีการจำแนกประเภทกันอย่างไร.....

ส่วนประกอบของดอกไม้

            ดอกไม้ (flower) คือ ส่วนของพืชที่เจริญและเปลี่ยนแปลงมาเพื่อทำหน้าสืบพันธุ์ ซึ่งดอกไม้ทั่วไปประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน โดยแต่ละส่วนจะเรียงกันเป็นชั้นหรือเป็นวงบนฐานรองดอก คือ
ส่วนประกอบของดอกไม้

1.วงกลีบเลี้ยง (Calyx)

            แต่ละกลีบเรียกว่า กลีบเลี้ยง (Sepal) เป็นส่วนที่อยู่ชั้นนอกสุด มักมีสีเขียวเนื่องจากเจริญมาจากใบ ทำหน้าที่ห่อหุ้มป้องกันอันตรายให้แก่ส่วนอื่นๆ และช่วยในการสังเคราะห์แสง กลีบเลี้ยงที่อยู่แยกกันเป็นกลีบๆ เรียกว่า อะโปเซพิลัส (Aposepalous) หรือ พอลิเซพิลัส (Polypalous) เช่น ดอกบัว ดอกพุทธรักษา บางชนิดกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเรียก แกมโมเซพิลัส (Gamosepalous) หรือ ซินเซพิลัส (Synsepalous) เช่น ชบา บานบุรี พืชบางชนิดอาจมีกลีบเลี้ยงสีอื่นนอกจากสีเขียวซึ่งจะทำหน้าที่ล่อแมลงในการผสมเกสรเช่นเดียวกับกลีบดอก พืชบางชนิดมี ริ้วประดับ (Epicalyx) เป็นกลีบเล็กๆ ใกล้กลีบเลี้ยง เช่น ชบา พู่ระหง พืชบางชนิดกลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีลักษณะเหมือนกันจนแยกไม่ออกเรียกว่า วงกลีบรวม (Perianth) และเรียกแต่ละกลีบว่า กลีบรวม (Tepal) ได้แก่ บัวหลวง จำปี จำปา

2.วงกลีบดอก (Corolla)

            แต่ละกลีบเรียกว่า กลีบดอก (Petal) คือส่วนของดอกที่อยู่ถัดจากกลีบเลี้ยงเข้ามาข้างใน มีสีสันต่างๆ สวยงามเนื่องจากมีรงควัตถุชนิดต่างๆ ภายในเซลล์ ส่วนกลีบดอกที่มีสีขาวจะไม่มีรงควัตถุภายในเซลล์ของกลีบดอก นอกจากนี้บางชนิดกลีบดอกมีกลิ่นหอม เช่น กุหลาบ มะลิ กระดังงา ราตรี สายหยุด พืชบางชนิดตรงโคนกลีบดอกจะมีต่อมน้ำต้อยหรือน้ำหวานไว้ล่อแมลงเพื่อช่วยในการผสมเกสร กลีบดอกที่อยู่แยกกันเป็นอิสระ เรียกว่า อะโปเซพิลัส (Aposepalous) หรือ พอลิเซพิลัส (Polypalous) เช่น กุหลาบ ชบา มะลิ บัว กลีบดอกเชื่อมติดกันเรียก แกมโมเซพิลัส (Gamosepalous) หรือ ซินเซพิลัส (Synsepalous) เช่น มะเขือ ผักบุ้ง เข็ม กลีบดอกทั้ง 2 ประเภท มีลักษณะรูปทรงเฉพาะ คือ
2.1 กลีบดอกแยกเป็นอิสระ มีรูปทรงเฉพาะ ดังนี้
  • รูปกากบาท ประกอบด้วยกลีบดอก 4 กลีบ แต่ละคู่ตั้งฉากกัน
  • รูปดอกถั่ว ประกอบด้วยกลีบดอก 5 กลีบ แบ่งเป็น 3 ขนาด กลีบใหญ่อยู่ด้านบนเรียก กลีบกลาง กลีบข้าง 1 คู่เรียกกลีบคู่ข้าง และกลีบคู่ล่างเชื่อมกันเป็นกระโดงเรียกว่ากลีบคู่ล่าง
  • รูปดอกหางนกยูง ประกอบด้วยกลีบดอก 5 กลีบ ซึ่ง 4 กลีบมีรูปร่างคล้ายคลึงกัน ส่วนกลีบบนสุดมีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป
2.2 กลีบดอกเชื่อมติดกัน มีรูปแบบต่างๆ ดังนี้
รูปวงล้อ rotate
รูปวงล้อ rotate
กลีบดอกจะเชื่อมติดกันและแผ่ออกคล้ายรูปวงล้อ เช่น ชวนชม กันเกรา
รูปดอกเข็ม salverform
รูปดอกเข็ม salverform
กลีบดอกเชื่อมติดกันคล้ายรูปกรวยแคบยาว ปลายกลีบบานออก เช่น ดอกเข็ม พุดพิชญา
รูปกรวย funnelform
รูปกรวย funnelform
กลีบดอกเชื่อมติดกันคล้ายรูปแตรหรือกรวยกว้าง เช่น ดอกผักบุ้ง มอนิ่งกอรี่ ใบละบาท
รูประฆัง campanulate
รูประฆัง campanulate
กลีบดอกเชื่อมติดกันคล้ายรูประฆัง เช่น รำเพย
รูปคนโท urceolate
รูปคนโท urceolate
กลีบดอกเชื่อมติดกันคล้ายรูปคนโท เช่น ทานตะวัน
รูปหลอด tubular
รูปหลอด tubular
กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปหลอด เช่น ราตรี
รูปปากเปิด bilabilate
รูปปากเปิด bilabilate
กลีบดอกเชื่อมติดกันเฉพาะที่โคน ปลายแยกเป็น 2 ส่วนขนาดและลักษณะต่างกัน เช่น อังกาบ

3.วงเกสรตัวผู้ (Stamen)

            อยู่ถัดจากกลีบดอกเข้าไป เกสรตัวผู้มีหลายอันเรียงกันเป็นชั้น เป็นส่วนของดอกที่จำเป็นในการสืบพันธุ์ โดยมีอับเรณูอยู่ปลายก้านเป็นถุงมี 2 พู เมื่อดอกเจริญเติบโตเต็มที่ถุงเรณูจะแตกออก ละอองเรณูจะปลิวไปผสมกับเกสรตัวเมีย

4.วงเกสรตัวเมีย (Pistill or carpel)

            จะเป็นส่วนที่อยู่ในสุดของดอก โดยมากแล้วแต่ละดอกจะมีเกสรตัวเมียเพียง 1 อัน ตรงส่วนปลายยอดจะเป็นปุ่มมีขนหรือน้ำเหนียวๆ สำหรับจับละอองเรณูที่ปลิวมา

ประเภทของดอกไม้

จำแนกตามส่วนประกอบของดอก

  • ดอกสมบูรณ์ (Complete flower) คือดอกที่มีส่วนประกอบของดอกครบทั้ง 4 ส่วนในดอกเดียวกัน เช่น ชบา พู่ระหง กุหลาบ มะเขือ
  • ดอกไม่สมบูรณ์ (Incomplete flower) คือดอกที่มีส่วนประกอบของดอกไม่ครบทั้ง 4 ส่วน เช่น ดอกหน้าวัว (ขาดกลีบเลี้ยงและกลีบดอก) ดอกบานเย็น (ขาดกลีบดอก)

จำแนกตามลักษณะของเพศ

  • ดอกสมบูรณ์เพศ คือดอกที่มีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียในดอกเดียวกัน เช่น ดอกตำลึง พู่ระหง และกุหลาบ
  • ดอกไม่สมบูรณ์เพศ คือในดอกจะมีเพียงเกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดอกที่มีแต่เกสรตัวผู้เรียก ดอกตัวผู้ ดอกที่มีแต่เกสรตัวเมียเรียก ดอกตัวเมีย ดอกที่ไม่มีทั้งเกสรตัวผู้และตัวเมียเรียก ดอกเป็นกลางหรือดอกเป็นหมัน และหากในพืชต้นหนึ่งๆ มีดอกสมบูรณ์เพศหรือมีทั้งดอกตัวผู้และดอกตัวเมียในต้นเดียวกัน แม้จะคนละดอกหรือต่างช่อดอก เรียกพืชต้นนั้นว่า พืชกระเทย เช่น ข้าวโพด ดอกตัวผู้และตัวเมียแยกต่างช่อดอก มะพร้าว ดอกตัวผู้และตัวเมียต่างดอกในช่อเดียวกัน ตำลึง ฟักทอง ดอกตัวผู้และตัวเมียแยกดอกกัน ส่วนพืชที่มีดอกเพียงเพศเดียวทั้งต้น เรียกพืชเพศแยก เช่น อินทผาลัม มะเดื่อ ตาล พืชบางชนิดมีทั้งดอกสมบูรณ์เพศและดอกไม่สมบูรณ์เพศอยู่บนต้นเดียวกัน เช่น มะละกอ เงาะ และทานตะวัน

จำแนกตามจำนวนดอก

  • ดอกเดี่ยว เป็นดอกที่เกิดขึ้นบนก้านดอก เป็นดอกเดียวโดดๆ ในแต่ละข้อของกิ่งหรือลำต้น เช่น ชบา จำปี การะเวก
  • ดอกช่อ เป็นดอกที่เกิดเป็นกลุ่มอยู่บนก้านดอกใหญ่เดียวกัน และประกอบด้วยก้านดอกย่อยๆ หลายดอก ลักษณะการติดของดอกทำให้เกิดช่อดอกแบบต่างๆ กัน แบ่งเป็น 2 กลุ่มตามลักษณะการบานของดอก คือ
ดอกช่อแบบอินดีเทอร์มิเนต (Indeterminate inflorescence) เป็นดอกช่อที่ดอกย่อยที่อยู่ล่างสุดหรือริมนอกสุดจะบานและแก่ก่อนดอกอื่นที่อยู่ถัดเข้าไปข้างในหรืออยู่เหนือขึ้นไปข้างบน ดอกย่อยอาจมีหรือไม่มีก้านดอกย่อยก็ได้ ถ้ามีก้านดอกย่อยโดยส่วนใหญ่ก้านที่อยู่ล่างสุดจะยาวที่สุด
ช่อกระจุกแน่น head
ช่อกระจุกแน่น head
ช่อดอกที่มีดอกย่อยอัดกันแน่นบนฐานรองดอกรูปจานที่แผ่กว้างออก ตรงกลางนูนเล็กน้อย เช่น ทานตะวัน ดาวเรือง บานไม่รู้โรย
ช่อแบบหางกระรอก catkin
ช่อแบบหางกระรอก catkin
ช่อดอกที่มีลักษณะคล้ายดอกเชิงลด ช่อดอกมีแกนกลางยาว ดอกย่อยไม่มีก้านดอกย่อย ต่างกันตรงที่ปลายช่อห้อยลง เช่น หางกระรอกแดง
ช่อเชิงลดมีกาบ spadix
ช่อเชิงลดมีกาบ spadix
ช่อดอกแบบเชิงลดที่มีดอกแยกเพศติดอยู่บนแกนกลาง ไม่มีก้านดอกย่อย มีริ้วประดับแผ่นใหญ่เป็นกาบหุ้ม เช่น หน้าวัว บอน
ช่อเชิงลด spike
ช่อเชิงลด spike
ช่อดอกที่มีแกนกลางยาว ดอกย่อยทุกดอกไม่มีก้านดอกย่อย เช่น กระถินณรงค์
ช่อกระจะ raceme
ช่อกระจะ raceme
ช่อดอกที่ดอกย่อยมีก้านดอกแยกจากแกนกลาง ก้านดอกย่อยแต่ละดอกจะมีความยาวใกล้เคียงกัน เช่น หางนกยูง กล้วยไม้
ช่อแขนง panicle
ช่อแขนง panicle
ช่อดอกที่แตกแขนงจากแกนกลางก่อนที่จะมีดอกย่อยที่มีก้านดอก
ช่อซี่ร่ม umbel
ช่อซี่ร่ม umbel
ช่อที่มีก้านดอกย่อยทั้งหมดยาวเท่ากัน และออกมาจากจุดเดียวกันทำให้เห็นดอกมีลักษณะคล้ายซี่ร่ม เช่น พลับพลึง
ช่อซี่ร่มเชิงประกอบ compound umbel
ช่อซี่ร่มเชิงประกอบ compound umbel
เป็นช่อแบบซี่ร่มที่แยกออกจากแกนหลักเป็นครั้งที่ 2 แล้วจึงมีดอก
ช่อซี่ร่มแยกแขนง branched umbel
ช่อซี่ร่มแยกแขนง branched umbel
ช่อดอกที่มีช่อย่อยแบบช่อแขนงแต่ละช่อประกอบกันแบบซี่ร่ม
ช่อซี่ร่มคล้ายช่อเชิงลด spicate umbel
ช่อซี่ร่มคล้ายช่อเชิงลด spicate umbel
ช่อดอกที่มีช่อย่อยแบบช่อเชิงลดแต่ละช่อประกอบกันเป็นแบบซี่ร่ม
ช่อซี่ร่มคล้ายช่อกระจะ racemiform umbel
ช่อซี่ร่มคล้ายช่อกระจะ racemiform umbel
ช่อดอกที่มีช่อย่อยแบบช่อกระแจแต่ละช่อประกอบกันเป็นแบบซี่ร่ม
 
ช่อเชิงหลั่น simple corymb
ช่อเชิงหลั่น simple corymb
ช่อดอกที่ดอกย่อยอยู่ในระนาบเดียวกันก้านดอกยาวไม่เท่ากัน ก้านดอกย่อยของดอกล่างสุดจะยาวที่สุด ก้านดอกย่อยที่ถัดขึ้นไปจะสั้นลงตามลำดับ เช่น ดอกขี้เหล็ก
ช่อเชิงหลั่นเชิงประกอบ compound corymb
ช่อเชิงหลั่นเชิงประกอบ compound corymb
เป็นช่อแบบช่อเชิงหลั่นที่แยกออกจากก้านเป็นครั้งที่ 2 จึงมีดอก
 
ดอกช่อแบบดีเทอร์มิเนต (Determinate inflorescence) เป็นดอกช่อที่ดอกย่อยที่อยู่ในสุดหรือบนสุดจะบานและแก่ก่อนดอกที่อยู่วงนอนหรือดอกที่อยู่ถัดลงมาข้างล่าง นอกจากนี้ช่อดอกบางชนิดมีลักษณะผสมผสานระหว่างดีเทอร์มิเนต และ อินดีเทอร์มิเนต ในช่อเดียวกัน เรียกว่า Thysus
ช่อกระจุก simple cyme
ช่อกระจุก simple cyme
เป็นดอกช่อที่มี 3 ดอกย่อย ก้านดอกย่อยแตกออกทางด้านข้างของแกนกลางที่จุดเดียวกัน เช่น มะลิ ต้อยติ่ง
ช่อกระจุกเชิงประกอบ compound cyme
ช่อกระจุกเชิงประกอบ compound cyme
เป็นช่อแบบช่อกระจุกที่มีก้านแยกออกจากแกนหลักเป็นครั้งที่ 2 แล้วจึงมีดอก เช่น เข็ม โคมญี่ปุ่น
ช่อคดกริช scorpioid
ช่อคดกริช scorpioid
มีดอกย่อยทั้งสองข้างแตกออกตรงซอกใบ และดอกที่แตกออกอยู่ในระดับเดียวกัน เช่น หญ้าหนวดแมว
ช่อบิดเกลียว helicoid
ช่อบิดเกลียว helicoid
เป็นดอกที่มีก้านดอกข้างๆ แตกออกไปข้างเดียวตลอด ทำให้ก้านดอกโค้งงอ เช่น ดอกหญ้างวงช้าง
ช่อกระจุกแยกแขนง thysus
ช่อกระจุกแยกแขนง thysus
ช่อดอกที่มีช่อย่อยแบบช่อแขนงแต่ละช่อประกอบกันแบบช่อกระจุก เช่น ดอกองุ่น
 

จำแนกตามลักษณะสมมาตรของดอก

  • ดอกสมมาตรแบบรัศมี คือดอกที่ส่วนประกอบของดอกเรียงตัวอย่างสม่ำเสมอ กลีบเลี้ยงหรือกลีบดอกขนาดเท่าๆ กัน สามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่ากันโดยผ่าได้หลายแนวตามแนวรัศมีของดอก เช่น จำปี บัว ชบา
  • ดอกสมมาตรครึ่งซีก คือดอกที่มีส่วนประกอบของดอกมีขนาดไม่เท่ากัน การจัดระเบียบของดอกไม่เป็นรัศมี ถ้าผ่าเป็นสองซีกให้เหมือนกันจะสามารถผ่าได้เพียงแนวเดียวเท่านั้น เช่น ดอกกล้วยไม้ ชงโค อัญชัน

เกร็ดพรรณไม้ ต้นไม้ ดอกไม้ประจำชาติไทย

      จากอดีตที่ผ่านมากว่า 50 ปี ทางราชการมีความพยายามหลายครั้งในการกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยเฉพาะการกำหนด ต้นไม้ และ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มต้นที่กรมป่าไม้ได้ชักชวนให้ประชาชนสนใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2494 โดยรัฐบาลมีมติให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ (arbour day) มีการชักชวนให้ปลูกต้นไม้ที่มีประโยชน์ชนิดต่างๆ มากมาย ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ น่าจะถือเป็นต้นไม้ประจำชาติ

ราชพฤกษ์            กระทั่งในปี พ.ศ.2506 มีการประชุมเพื่อกำหนดสัญลักษณ์ต้นไม้และสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ ไม้มงคลที่มีประโยชน์และรู้จักกันอย่างแพร่หลายเป็นต้นไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวข้องกับประเพณีไทยและประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอครั้งนั้นไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นไทยจึงมีหลากหลาย ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ  สัตว์ ดอกไม้ ที่คนไทยคุ้นเคยและพบเห็นบ่อย เช่น พระปรางค์วัดอรุณฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เช่นเดียวกับ ต้นราชพฤกษ์ และ ช้างเผือก ยังคงถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติตลอดมา

            ปี พ.ศ.2530 มีการส่งเสริมให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกครั้ง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการส่งเสริมให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วประเทศจำนวน 99,999 ต้น ทุกวันนี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่มากมายทั่วประเทศไทย

            ข้อสรุปเรื่องสัญลักษณ์ประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่ชัดเจน กระทั่งช่วงปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังกล่าวกลับมาเสนออีกครั้ง และมีข้อสรุปเสนอให้มีการกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่งคือ ดอกไม้ สัตว์และสถาปัตยกรรม และการพิจารณาที่ผ่านมาเสนอให้กำหนดดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติ คือ ช้างไทย และสถาปัตยกรรมประจำชาติคือ ศาลาไทย

            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเพราะมีความเหมาะสมในหลายๆ ด้าน คือ เป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้เป็นต้นไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืน ทนทาน ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นต้นไม้พื้นเมืองที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อต่างกันในแต่ละภาค เช่น ลมแล้ง คูน อ้อดิบ ราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลใช้ประโยชน์ในพิธีสำคัญๆ เช่น ลงหลักเมือง ลงเสาเอก ทำคฑาจอมพลและยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในช่วงฤดูร้อนราชพฤกษ์จะออกดอกสะพรั่งทั้งต้น ช่อดอกมีรูปทรงสวยงาม สีเหลืองอร่ามเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ รวมทั้งเป็นสีเดียวกับวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกจากนี้ความงามของช่อดอก และความหมายที่ดียังถูกจำลองแบบประดับไว้บนอินทรธนูของข้าราชการพลเรือนอีกด้วย


เอกสารอ้างอิง

  • พืชพรรณไม้มงคล ส.พลายน้อย บริษัท รวมสาส์น (1977) จำกัด
  • เดลินิวส์วาไรตี้ พงษ์พรรณ บุญเลิศ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2544
  • ไม้ต้นประดับดอก ชุดคู่มือคนรักต้นไม้ วชิรพงศ์ หวลบุตตา สำนักพิมพ์บ้านและสวน

ดอกกาหลง ดอกไม้ประจำจังหวัดสตูล

ดอกกาหลง
ดอกไม้ประจำจังหวัดสตูล

ดอกไม้ประจำจังหวัดสตูล-ดอกกาหลง

ดอกไม้ประจำจังหวัด

สตูล

ชื่อดอกไม้

ดอกกาหลง

ชื่อสามัญ

Galaong, Snowy Orchid Tree

ชื่อวิทยาศาสตร์

Bauhinia acuminata Linn.

วงศ์

LEGUMINOSAE

ชื่ออื่น

เสี้ยวดอกขาว, ส้มเสี้ยว, เสี้ยวน้อย

ลักษณะทั่วไป

กาหลงเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ใบเป็นใบไม้แฝดออกสลับกันไปตามต้น ดอกขาวใหญ่ ดอกเป็นช่อมีกลิ่นหอมเล็กน้อย ดอกมี 6 กลีบ ซ้อนเหลื่อมกัน ช่อหนึ่งออกดอกประมาณ 5-8 ดอก ออกดอกตลอดปี

การขยายพันธุ์

เพาะเมล็ด, ตอนกิ่ง

สภาพที่เหมาะสม

ดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย

ถิ่นกำเนิด

ประเทศอินเดีย, เอเซียตะวันออกเฉียงใต้

ดอกสะเดาเทียม ดอกไม้ประจำจังหวัดสงขลา

ดอกสะเดาเทียม
ดอกไม้ประจำจังหวัดสงขลา

ดอกไม้ประจำจังหวัดสงขลา-ดอกสะเดาเทียม

ดอกไม้ประจำจังหวัด

สงขลา

ชื่อดอกไม้

ดอกสะเดาเทียม

ชื่อสามัญ

ชื่อวิทยาศาสตร์

Azadirachta excelsa (Jack) Jacobs

วงศ์

MELIACEAE

ชื่ออื่น

ต้นเทียม ไม้เทียม สะเดาช้าง สะเดาเทียม สะเดาใบใหญ่ (ภาคใต้)

ลักษณะทั่วไป

เป็นไม้ยืนต้นสูงตรงไม่มีกิ่งขนาดใหญ่ เมื่ออายุน้อยเปลือกต้นเรียบ เมื่ออายุมากเปลือกจะแตกเป็นแผ่นล่อนสีเทาปนดำ เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ ใบเป็นใบประกอบ ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย ใบเบี้ยวไม่ได้สัดส่วน ปลายใบแหลมเป็นติ่ง ฐานใบเบี้ยวไม่เท่ากัน เนื้อใบหนา เกลี้ยง สีเขียวเป็นมัน ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบหรือปลายกิ่ง ดอกบานสีขาว ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม ผลทรงกลมรี ผลแก่สีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง

การขยายพันธุ์

โดยการเพาะเมล็ดในถุงเพาะกล้าจนงอก และแข็งแรงก่อนจึงย้ายไปปลูกลงดิน

สภาพที่เหมาะสม

ดินร่วนปนทราย มีการระบายน้ำและอากาศได้ดี

ถิ่นกำเนิด

ตามเรือกสวนไร่นา แถบภาคใต้ของประเทศไทย

ดอกอินทนิลน้ำ ดอกไม้ประจำจังหวัดสกลนคร

ดอกไม้ประจำจังหวัดสกลนคร-ดอกอินทนิลน้ำ


ดอกอินทนิลน้ำ
ดอกไม้ประจำจังหวัดสกลนคร

ดอกไม้ประจำจังหวัด

สกลนคร

ชื่อดอกไม้

ดอกอินทนิลน้ำ

ชื่อสามัญ

Queen’s Flower, Queen’s Crape Myrtle, Pride of India

ชื่อวิทยาศาสตร์

Lagerstroemia speciosa Pers.

วงศ์

LYTHRACEAE

ชื่ออื่น

ฉ่วงมู (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ตะแบกดำ (กรุงเทพฯ), บางอ บะซา (มลายู-ยะลา, นราธิวาส), บาเอ บาเย (ปัตตานี), อินทนิล (ภาคกลาง), อินทนิลน้ำ (ภาคกลาง, ภาคใต้)

ลักษณะทั่วไป

เป็นไม้ยืนต้นสูง 10–15 เมตร ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ผิวเปลือกนอกสีเทา ใบเป็นใบเดี่ยว รูปรีหรือรูปไข่แกมขอบขนาน ปลายใบมน ดอกย่อยขนาดใหญ่ กลีบดอกสีชมพู สีม่วงแกมชมพู หรือสีม่วง ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน ผลเป็นผลแห้ง มีขนาดใหญ่

การขยายพันธุ์

โดยการเพาะเมล็ด

สภาพที่เหมาะสม

ดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง

ถิ่นกำเนิด

ที่ราบลุ่มริมน้ำ ป่าเบญจพรรณชื้นและป่าดิบทั่วไป

ดอกลำดวน ดอกไม้ประจำจังหวัดศรีสะเกษ

ดอกลำดวน
ดอกไม้ประจำจังหวัดศรีสะเกษ

ดอกไม้ประจำจังหวัดศรีสะเกษ-ดอกลำดวน

ดอกไม้ประจำจังหวัด

ศรีสะเกษ

ชื่อดอกไม้

ดอกลำดวน

ชื่อสามัญ

Lamdman, Devil Tree, White Cheesewood

ชื่อวิทยาศาสตร์

Melodorum fruticosum Lour.

วงศ์

ANNONACEAE

ชื่ออื่น

ลำดวน (ภาคกลาง), หอมนวล (ภาคเหนือ)

ลักษณะทั่วไป

ลำดวนเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูงประมาณ 5–10 เมตร ผิวเปลือกลำต้นเป็นสีเทา ผิวต้นเรียบ มีรอยแตกเล็กน้อยแตก ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันตามข้อ ลำต้น ใบเป็นรูปหอก ยาวรี ปลายใบแหลม โคนใบมนแหลม ขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย ผิวใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม ดอกเป็นดอกเดี่ยวออกตามส่วนยอด และตามง่ามใบ มีกลีบดอก 6 กลีบ ซ้อนกันเป็นชั้น ปลายกลีบแหลม โคนกลีบดอกกว้าง ดอกมีขนาดเล็กสีเหลือง กลิ่นหอมเย็น ออกดอกช่วง เดือนธันวาคม-มีนาคม

การขยายพันธุ์

การเพาะเมล็ด, ตอนกิ่ง

สภาพที่เหมาะสม

ดินร่วนซุย แสงแดดจัด เติบโตได้ดีในที่ชุ่มชื้น

ถิ่นกำเนิด

ประเทศแถบอินโดจีน

ดอกรองเท้านารีเหลืองเลย ดอกไม้ประจำจังหวัดเลย

ดอกไม้ประจำจังหวัดเลย-ดอกรองเท้านารีเหลืองเลย


ดอกรองเท้านารีเหลืองเลย
ดอกไม้ประจำจังหวัดเลย

ที่มา: http:www.panmai.com

ดอกไม้ประจำจังหวัด

เลย

ชื่อดอกไม้

ดอกรองเท้านารีเหลืองเลย

ชื่อสามัญ

ชื่อวิทยาศาสตร์

Paphiopedilum hirsutissimum

วงศ์

ORCHIDACEAE

ชื่ออื่น

ลักษณะทั่วไป

เป็นกล้วยไม้แบบ sympodial แบบไม่มีลำลูกกล้วย ระบบรากเป็นแบบรากกึ่งดิน ออกเป็นกระจุกที่โคนต้นและมักทอดไปทางด้านราบมาก กว่าหยั่งลึกลงไปในดิน ใบรูปขอบขนาน ออกดอกเดี่ยว กว้างประมาณ 8 ซม. ก้านดอกยาวและตั้งตรงสีเขียว มีขนสั้นสีม่วงแดงจำนวนมาก กลีบเลี้ยงบนรูปไข่กลับ โคนกลีบสีน้ำตาลอมเหลือง ปลายกลีบสีเขียว กลีบดอกรูปแถบแกมรูปไข่กลับ โคนสีเขียว ปลายสีม่วงอมชมพู ขอบ ด้านบนหยักเป็นคลื่น มีขนปกคลุมทั่วทั้งกลีบ กลีบปากเป็นถุงลึก สีเหลืองอมเขียวมีจุดเล็กๆ สีน้ำตาล ออกดอกช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคม

การขยายพันธุ์

แยกหน่อ

สภาพที่เหมาะสม

เติบโตได้ดีในที่มีอากาศเย็น

ถิ่นกำเนิด

ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แถบจังหวัดเพชรบูรณ์ เลย และชัยภูมิ

ดอกธรรมรักษา ดอกไม้ประจำจังหวัดลำปาง

ดอกไม้ประจำจังหวัดลำปาง-ดอกธรรมรักษา


ดอกธรรมรักษา
ดอกไม้ประจำจังหวัดลำปาง

ดอกไม้ประจำจังหวัด

ลำปาง

ชื่อดอกไม้

ดอกธรรมรักษา

ชื่อสามัญ

Heliconia

ชื่อวิทยาศาสตร์

Heliconia spp.

วงศ์

HELICONIACEAE

ชื่ออื่น

ก้ามกุ้ง

ลักษณะทั่วไป

ธรรมรักษาเป็นพรรณไม้ล้มลุก อวบน้ำ มีลำต้นใต้ดิน เรียกว่า เหง้า ลักษณะคล้ายกับกล้วย ลำต้นสูงประมาณ 1–2 เมตร เจริญเติบโตโดยการแตกหน่อออกมาเป็นกอ ลักษณะใบคล้ายใบกล้วย เรียงสลับกัน มีสีเขียว ผิวเรียบเป็นมัน ขนาดของใบ ขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ ออกดอกเป็นช่อตรงส่วนยอดของลำต้น ลักษณะช่อดอกตั้งและห้อยลงแล้วแต่ชนิดพันธุ์ ในแต่ละช่อดอกมี 4–8 ดอก ดอกมีสีส้ม แดง เหลือง และชมพู ผลคือส่วนของดอกเมื่อแก่ก็จะกลายเป็นเมล็ด

การขยายพันธุ์

เพาะเมล็ด, แยกกอ, เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

สภาพที่เหมาะสม

ดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย แสงแดดรำไร จนถึงแสงแดดจัด

ถิ่นกำเนิด

อเมริกาใต้

ดอกกัลปพฤกษ์ ดอกไม้ประจำจังหวัดราชบุรี

ดอกไม้ประจำจังหวัดราชบุรี-ดอกกัลปพฤกษ์


ดอกกัลปพฤกษ์
ดอกไม้ประจำจังหวัดราชบุรี

ดอกไม้ประจำจังหวัด

ราชบุรี

ชื่อดอกไม้

ดอกกัลปพฤกษ์

ชื่อสามัญ

Pink Cassia, Pink Shower, Wishing Tree

ชื่อวิทยาศาสตร์

Cassia bakeriana Craib.

วงศ์

LEGUMINOSAE

ชื่ออื่น

กัลปพฤกษ์ (ภาคกลาง, ภาคเหนือ), กานล์ (เขมร-สุรินทร์), เปลือกขม (ปราจีนบุรี)

ลักษณะทั่วไป

กัลปพฤกษ์เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 5–15 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดกลมหรือรูปร่ม แผ่กว้าง ใบประกอบขนนก ใบย่อย 5–8 คู่ ใบรูปไข่แกมขอบขนาน หรือแกมใบหอก โคนใบเบี้ยว ใบมีขนนุ่มทั้งสองด้าน ออกดอกเป็นช่อพร้อมใบอ่อนตามกิ่ง มี 5 กลีบ สีชมพู แล้วซีดจนเป็นสีขาวเมื่อใกล้โรย ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์–เมษายน ผลเป็นฝักกลมยาวมีขนนุ่ม สีเทา เมล็ด จำนวนมาก

การขยายพันธุ์

เพาะเมล็ด

สภาพที่เหมาะสม

เติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย ทนแล้งได้ดี

ถิ่นกำเนิด

ไทย ลาว พม่า และเวียดนาม

ดอกดาวเรือง ดอกไม้ประจำจังหวัดสมุทรปราการ

ดอกไม้ประจำจังหวัดสมุทรปราการ-ดอกดาวเรือง


ดอกดาวเรือง
ดอกไม้ประจำจังหวัดสมุทรปราการ

ดอกไม้ประจำจังหวัด

สมุทรปราการ

ชื่อดอกไม้

ดอกดาวเรือง

ชื่อสามัญ

Marigold

ชื่อวิทยาศาสตร์

Tagetes erecta Linn.

วงศ์

COMPOSITAE

ชื่ออื่น

ลักษณะทั่วไป

ดาวเรืองเป็นไม้ล้มลุกทรงพุ่มอายุสั้นหรือหลายปี มีความสูงตั้งแต่ 30–60 ซม. ใบมีลักษณะเป็นใบประกอบเหมือนขนนก ออกตรงข้ามกัน ใบย่อยรูปรีหรือรูปหอกแกมขอบขนาน โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ออกดอกเป็นดอกเดี่ยวกระจุกอยู่ปลายยอด สีเหลืองหรือสีส้ม กลีบดอกวงนอกมีลักษณะเป็นรูปรางน้ำ โคนดอกเป็นหลอดเล็ก ปลายดอกเป็นรอยหยัก กลิ่นหอมฉุน

การขยายพันธุ์

เพาะเมล็ด

สภาพที่เหมาะสม

ดินร่วนซุย และอุ้มน้ำได้ดี แสงแดดจัด

ถิ่นกำเนิด

เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา

ดอกแก้ว ดอกไม้ประจำจังหวัดสระแก้ว

ดอกไม้ประจำจังหวัดสระแก้ว-ดอกแก้ว


ดอกแก้ว
ดอกไม้ประจำจังหวัดสระแก้ว

ดอกไม้ประจำจังหวัด

สระแก้ว

ชื่อดอกไม้

ดอกแก้ว

ชื่อสามัญ

Orang Jessamine

ชื่อวิทยาศาสตร์

Murraya paniculata

วงศ์

RUTACEAE

ชื่ออื่น

แก้ว, แก้วขาว (ภาคกลาง), แก้วขี้ไก่ (ยะลา), แก้วพริก, ตะไหลแก้ว (ภาคเหนือ)

ลักษณะทั่วไป

แก้วเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางสูงประมาณ 5–10 เมตร ทรงพุ่มไม่เป็นระเบียบ ใบออกเป็นช่อ เป็นแผงเรียงสลับกัน ใบเป็นมันสีเขียวเข้ม ขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย ออกดอกเป็นช่อใหญ่ ช่อสั้น ออกตามปลายกิ่ง กลิ่นหอม ดอกบานเต็มที่ขนาด 2–3 เซนติเมตร ผลรูปไข่ รี ปลายทู่ มีสีส้ม ภายในมีเมล็ด 1–2 เมล็ด

การขยายพันธุ์

เพาะเมล็ด, ตอนกิ่ง

สภาพที่เหมาะสม

ดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย แสงแดดจัด

ถิ่นกำเนิด

จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, อินเดีย และภูมิภาคอินโดจีน

ดอกโกมาชุม ดอกไม้ประจำจังหวัดระนอง

ดอกไม้ประจำจังหวัดระนอง-ดอกโกมาชุม


ดอกโกมาชุม
ดอกไม้ประจำจังหวัดระนอง

ดอกไม้ประจำจังหวัด

ระนอง

ชื่อดอกไม้

ดอกโกมาชุม

ชื่อสามัญ

ชื่อวิทยาศาสตร์

Dendrodium formosum

วงศ์

ORCHIDACEAE

ชื่ออื่น

เอื้องเงินหลวง

ลักษณะทั่วไป

เป็นกล้วยไม้ประเภทอิงอาศัย ลำต้นเจริญทางด้านข้าง มีลำลูกกล้วยตั้งตรง กลมค่อนข้างอ้วน ความยาวประมาณ 30–50 เซนติเมตร ที่กาบใบมีขนสีดำลักษณะใบรูปไข่ยาวรี ยาวประมาณ 10–15 เซนติเมตร ปลายใบมี 2 แฉกไม่เท่ากัน ออกดอกที่ยอด ช่อดอกสั้น ช่อหนึ่งๆ มี 3–5 ดอก กลีบดอกมีสีขาว ปากสีเหลืองส้มโคนปากสอบปลายปากเว้า มีสันนูนสองสันจากโคน ออกมาถึงกลางปาก ขนาดดอกโตประมาณ 10 เซนติเมตร มีกลิ่นหอมอ่อน ออกดอกเดือนตุลาคมถึงธันวาคม

การขยายพันธุ์

แยกลำ

สภาพที่เหมาะสม

เป็นกล้วยไม้รากอากาศ ชอบอากาศชื้น

ถิ่นกำเนิด

บริเวณที่ราบต่ำและที่ราบสูงในประเทศอินเดีย พม่า เวียตนาม และไทย

ดอกบัวแดง ดอกไม้ประจำจังหวัดยโสธร

ดอกไม้ประจำจังหวัดยโสธร-ดอกบัวแดง


ดอกบัวแดง
ดอกไม้ประจำจังหวัดยโสธร

ดอกไม้ประจำจังหวัด

ยโสธร

ชื่อดอกไม้

ดอกบัวแดง

ชื่อสามัญ

Water Lily

ชื่อวิทยาศาสตร์

Nymphaea lotus Linn.

วงศ์

NYMPHACACEAE

ชื่ออื่น

ลักษณะทั่วไป

เป็นพรรณไม้น้ำประเภทพืชล้มลุก มีลำต้นและหัวอยู่ในดินใต้น้ำ การเจริญชูก้านใบและดอกขึ้นมาบนผิวน้ำ ใบมีลักษณะกลมกว้างใหญ่ ผิวใบเรียบ สีเขียวขอบน้ำตาล ดอกเป็นกลีบซ้อนกันหลายชั้น มีสีขาว ชมพู เหลือง ลักษณะ สีสัน ขนาดของใบและดอกขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์

การขยายพันธุ์

โดยการเพาะเมล็ด แยกกอจากหัวหรือเหง้า

สภาพที่เหมาะสม

ดินเหนียว ดินนา ดินผสมอินทรีย์ ต้องการน้ำมากเพราะเป็นพืชเจริญในน้ำ แสงแดดอ่อน จนถึง แดดจัด

ถิ่นกำเนิด

ดอกบัวตอง ดอกไม้ประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ดอกไม้ประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน-ดอกบัวตอง


ดอกบัวตอง
ดอกไม้ประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ดอกไม้ประจำจังหวัด

แม่ฮ่องสอน

ชื่อดอกไม้

ดอกบัวตอง

ชื่อสามัญ

Mexican Sunflower Weed

ชื่อวิทยาศาสตร์

Tithonia diversifolia (Hemsl.) A. Gray.

วงศ์

COMPOSITAE

ชื่ออื่น

พอหมื่อนี่

ลักษณะทั่วไป

บัวตองเป็นไม้ดอกมีอายุยืนยาวหลายปีสามารถสูงได้ถึง 5 เมตร ออกดอกเป็นช่อเดี่ยวบริเวณปลายกิ่ง มีสีเหลืองคล้าย ดอกทานตะวัน แต่มีขนาดเล็กกว่า ดอกวงนอกเป็นหมัน กลีบดอกเรียวมีประมาณ 12–14 กลีบ ดอกวงในสีเหลืองส้ม เป็นดอกสมบูรณ์เพศ ใบบัวตองเป็นใบเดี่ยว รูปไข่หรือแกมขอบขนาน มีขนขึ้นเล็กน้อยประปราย ปลายใบเว้าลึก 3–5 แฉก

การขยายพันธุ์

เพาะเมล็ด

สภาพที่เหมาะสม

แสงแดดจัด

ถิ่นกำเนิด

เม็กซิโก

ดอกช้างน้าว ดอกไม้ประจำมุกดาหาร

ดอกไม้ประจำจังหวัดมุกดาหาร-ดอกช้างน้าว


ดอกช้างน้าว
ดอกไม้ประจำจังหวัดมุกดาหาร

ดอกไม้ประจำจังหวัด

มุกดาหาร

ชื่อดอกไม้

ดอกช้างน้าว

ชื่อสามัญ

ชื่อวิทยาศาสตร์

Ochna integerrima (Lour.) Merr.

วงศ์

OCHNACEAE

ชื่ออื่น

กระแจะ (ระนอง), กำลังช้างสาร (กลาง), ขมิ้นพระต้น (จันทบุรี), ควุ (กะเหรี่ยง-นครสวรรค์), แง่ง (บุรีรัมย์), ช้างน้าว ตานนกกรด (นครราชสีมา), ช้างโน้ม (ตราด), ช้างโหม (ระยอง), ตาชีบ้าง (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), ตาลเหลือง (เหนือ), ฝิ่น (ราชบุรี), โว้โร้ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี)

ลักษณะทั่วไป

ต้นสูง 3–8 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดรูปใบหอก ขอบใบจักถี่ ใบเรียบเกลี้ยงเป็นมัน ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง 2–8 ดอก มี 5–10 กลีบ สีเหลืองดอกร่วงง่าย มีกลิ่นหอมอ่อน ออกดอก เดือนมกราคม–พฤษภาคม ผลกลม เมื่อแก่เป็นสีดำมัน กลีบเลี้ยงยังคงติดอยู่บนผล แล้วเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นแดง

การขยายพันธุ์

เพาะเมล็ด, ตอนกิ่ง, ตัดชำ

สภาพที่เหมาะสม

ดินร่วน ระบายน้ำดี แสงแดดจัด

ถิ่นกำเนิด

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ดอกลั่นทมขาว ดอกไม้ประจำจังหวัดมหาสารคาม

ดอกไม้ประจำจังหวัดมหาสารคาม-ดอกลั่นทมขาว


ดอกลั่นทมขาว (จำปาขาว)
ดอกไม้ประจำจังหวัดมหาสารคาม

ดอกไม้ประจำจังหวัด

มหาสารคาม

ชื่อดอกไม้

ดอกลั่นทมขาว (จำปาขาว)

ชื่อสามัญ

Frangipani

ชื่อวิทยาศาสตร์

Plumeria ssp.

วงศ์

APOCYNACEAE

ชื่ออื่น

ลีลาวดี, จำปาขาว

ลักษณะทั่วไป

ลั่นทมเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง เปลือกลำต้นหนา กิ่งอ่อนดูอวบน้ำ มียางสีขาวเหมือนนม ใบใหญ่สีเขียว ออกดอกเป็นช่อช่อละ หลายดอก ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ ดอกมีหลายสีแล้วแต่ละชนิดของพันธุ์ เช่น สีขาว แดง ชมพู เหลือง และสีส้ม ออกดอกตลอดปี

การขยายพันธุ์

ปักชำ

สภาพที่เหมาะสม

แสงแดดจัด

ถิ่นกำเนิด

อเมริกาใต้

ดอกบัวผุด ดอกไม้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ดอกไม้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี-ดอกบัวผุด


ดอกบัวผุด
ดอกไม้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ดอกไม้ประจำจังหวัด

สุราษฎร์ธานี

ชื่อดอกไม้

ดอกบัวผุด

ชื่อสามัญ

Sapria Himalayana

ชื่อวิทยาศาสตร์

Sapria himalayana Griff.

วงศ์

RAFFLESIACEAE

ชื่ออื่น

กระโถนฤาษี, บัวตูม, บัวสวรรค์

ลักษณะทั่วไป

เป็นพืชกาฝากที่อาศัยน้ำเลี้ยงจากรากของเถาวัลย์น้ำอย่าง ส้มกุ้ง หรือ เครือเขาน้ำ ไม่มีใบ ไม่มีลำต้น มีเพียงดอกสีแดงประแต้มเหลืองใหญ่ราว 10 ซม. โผล่ขึ้นมาจากดินเท่านั้น

การขยายพันธุ์

สภาพที่เหมาะสม

เป็นพืชเบียนที่อาศัยอยู่บนรากไม้อื่น เช่น ส้มกุ้ง เครือเขาน้ำ

ถิ่นกำเนิด

อินโด-มาลายา ในไทยพบตามแนวเทือกเขาตะนาวศรี ตั้งแต่ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และ สุราษฎร์ธานี

เกร็ดความรู้ "ลีลาวดี"ไม่ใช่ชื่อพระราชทาน

ลีลาวดี            ดอกลีลาวดี หรือชื่อเดิมก็คือ ดอกลั่นทม ซึ่งคนไทยสมัยก่อนมักเข้าใจว่า เป็นดอกไม้อัปมงคล ไม่นิยมปลูกในบ้าน แต่มักนิยมปลูกตามวัด หรือป่าช้า รวมถึงที่สาธารณะ เพราะเหตุที่มักเข้าใจกันว่ามีชื่อใกล้ไปทางคำว่า ระทม หากปลูกจะทำให้มีแต่ความระทม ความทุกข์ ความเศร้าหมอง แต่ถ้าศึกษาด้านภาษาจริงๆ แล้ว คำว่า ลั่นทม เป็นคำผสมจากคำว่า "ลั่น" กับคำว่า "ทม" ซึ่งคำว่า "ลั่น" นั้นมีความหมายว่า ละทิ้ง เลิก คำว่า "ทม" มาจากคำว่า ระทม ความระทม ความเศร้าหมอง เมื่อนำมารวมกันจึงมีความหมายถึง ละทิ้งความระทม ละทิ้งความเศร้าหมองต่างๆ นั่นก็คือการมีแต่ความสุขสดใส นั่นเอง

            ปัจจุบันมีการเปลี่ยนเรียกชื่อ "ลั่นทม" ใหม่ว่า "ลีลาวดี" ซึ่งชื่อใหม่นี้มีความเป็นมาอย่างไรและเพื่อผลประโยชน์อันใดไม่ปรากฏแน่ชัด แต่ที่ผ่านมามีกลุ่มบุคคลแอบอ้างโดยอ้างว่าชื่อใหม่ของ "ลั่นทม" หรือ "ลีลาวดี" นั้น เป็นชื่อที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานให้เพื่อเป็นสิริมงคล เนื่องจากไม้ชนิดนี้เป็นพรรณไม้มงคล แต่กลับเรียกว่า "ลั่นทม" การแอบอ้างชื่อใหม่ของต้น "ลั่นทม" ในลักษณะเช่นนี้ สร้างความสับสนให้กับสังคมเป็นอย่างมาก เพราะคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจคลาดเคลื่อนและเชื่อว่าเป็นชื่อพระราชทานจริง แม้แต่สื่อมวลชนบางคนยังเชื่อเช่นนั้นเหมือนกัน การที่แอบอ้างว่าชื่อ "ลีลาวดี" เป็นชื่อพระราชทานนี้เอง ทำให้ธุรกิจการเพาะพันธุ์ต้น "ลีลาวดี" คึกคักเป็นอย่างมาก เพราะ "ลีลาวดี" เป็นต้นไม้ที่มีความสวยงาม สามารถมาดัดแปลงให้เป็นไม้ดอก ไม้ประดับ ที่มีดอกหลากหลายสีได้ บางต้นมีดอกถึง 3 สีในต้นเดียวกัน จึงทำให้ทุกวันนี้ คนไทยหันมานิยมปลูกเลี้ยงต้น "ลีลาวดี" บริเวณบ้านกันมากขึ้น ทั้งที่ในอดีตมีความเชื่อว่า ต้น "ลั่นทม" ปลูกในบ้านจะทำให้คนในบ้านมีแต่ความทุกข์ระทม เพื่อให้เป็นที่เข้าใจอย่างทั่วถึงและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงมีการชี้แจงว่า "ลีลาวดี" ไม่ใช่ชื่อพระราชทานแต่อย่างใด โดยกองบำรุงรักษาอุทยาน สวนจิตรลดา ได้ยืนยันว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไม่ได้พระราชทานนาม "ลีลาวดี" และทรงทักท้วงเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้วในหลายโอกาส ฉะนั้นต่อไปนี้ ได้โปรดเข้าใจให้ถูกต้องว่า ชื่อใหม่ของ "ลั่นทม" ที่เปลี่ยนมาเป็น "ลีลาวดี" นั้นมีคนอื่นตั้งชื่อกันเอง ไม่ใช่ชื่อพระราชทานตามที่เข้าใจกันแต่อย่างใด..

ดอกชิงชัน ดอกไม้ประจำจังหวัดหนองคาย

ดอกไม้ประจำจังหวัดหนองคาย-ดอกชิงชัน


ดอกชิงชัน
ดอกไม้ประจำจังหวัดหนองคาย

ดอกไม้ประจำจังหวัด

หนองคาย

ชื่อดอกไม้

ดอกชิงชัน

ชื่อสามัญ

Rosewood

ชื่อวิทยาศาสตร์

Dalbergia oliveri Gamble

วงศ์

LEGUMINOSAE

ชื่ออื่น

ชิงชัน ประดู่ชิงชัน (ภาคกลาง), ดู่สะแดน (เหนือ)

ลักษณะทั่วไป

เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 15–25 เมตร เปลือกสีน้ำตาลอมเทาล่อนเป็นแว่น ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยเรียงสลับ แผ่นใบรูปรีแกมรูปไข่ โคนใบและปลายใบมน ท้องใบสีจางกว่าหลังใบ ดอกขนาดเล็ก สีขาวแกมม่วง ผลเป็นฝักแบน รูปหอก หัวท้ายแหลม

การขยายพันธุ์

เพาะเมล็ด

สภาพที่เหมาะสม

ดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง ต้องการน้ำปานกลาง

ถิ่นกำเนิด

ป่าดิบแล้งและป่าเบญจพรรณทั่วไป ยกเว้นภาคใต้

ดอกเฟื่องฟ้า ดอกไม้ประจำจังหวัดภูเก็ต

ดอกไม้ประจำจังหวัดภูเก็ต-ดอกเฟื่องฟ้า


ดอกเฟื่องฟ้า
ดอกไม้ประจำจังหวัดภูเก็ต

ดอกไม้ประจำจังหวัด

ภูเก็ต

ชื่อดอกไม้

ดอกเฟื่องฟ้า

ชื่อสามัญ

Bougainvillea, Peper Flower, Kertas

ชื่อวิทยาศาสตร์

Bougainvillea spp.

วงศ์

NYCTAGINACEAE

ชื่ออื่น

ตรุษจีน, ดอกต่างใบ, ดอกกระดาษ

ลักษณะทั่วไป

เฟื่องฟ้าเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางประเภทเถาเลื้อย ลำต้นมีความยาวประมาณ 1–10 เมตร มีลำเถาแข็งแรงเลื้อยไปได้ไกล ลำต้นมีหนามติดอยู่เป็นระยะๆ ลักษณะทรงพุ่มตัดแต่งได้ บังคับทิศทางการเจริญเติบโตได้ ใบเป็นใบเดี่ยวแตกตามเถา รูปไข่ปลาย ใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ พื้นใบเรียบสีเขียว ออกดอกเป็นช่อตามส่วนยอด มีกลีบดอกหรือใบประดับ 3 กลีบ ส่วนดอกจะมี ดอกเล็กสีขาว กลีบดอกจะมีขนาดและสีสันแตกต่างกันตามชนิดพันธุ์ ออกดอกตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูแล้งจะให้ดอกดกมาก

การขยายพันธุ์

การตอน, การปักชำ, การเสียบยอด

สภาพที่เหมาะสม

ดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย แสงแดดจัด ทนแล้งได้ดี

ถิ่นกำเนิด

ประเทศบราซิล

ดอกยมหิน ดอกไม้ประจำจังหวัดแพร่

ดอกไม้ประจำจังหวัดแพร่-ดอกยมหิน


ดอกยมหิน
ดอกไม้ประจำจังหวัดแพร่

ดอกไม้ประจำจังหวัด

แพร่

ชื่อดอกไม้

ดอกยมหิน

ชื่อสามัญ

Almond-wood, Chickrassy Chittagong-wood

ชื่อวิทยาศาสตร์

Chukrasia velutina Roem.

วงศ์

MELIACEAE

ชื่ออื่น

โค้โย่ง (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), ช้ากะเดา (ใต้), ยมขาว (เหนือ), ยมหิน มะเฟืองต้น สะเดาช้าง สะเดาหิน (กลาง), ริ้งบ้าง รี (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), เสียดค่าย (สุราษฎร์ธานี)

ลักษณะทั่วไป

เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบแต่ผลิใบใหม่เร็ว เรือนยอดเป็นพุ่มรูปกรวยต่ำ เปลือกสีน้ำตาลคล้ำ สีเทาหรือ เทาปนดำ แตกเป็นร่องลึกตามยาวของลำต้น ใบเป็นใบประกอบออกเยื้องกันเล็กน้อย แผ่นใบรูปดาบ ท้องใบมีขนนุ่ม หลังใบ เกลี้ยง ดอกขนาดเล็ก สีเขียวแกมเหลือง ออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ออกดอกระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์

การขยายพันธุ์

โดยการเพาะเมล็ด

สภาพที่เหมาะสม

เป็นไม้กลางแจ้ง เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชุ่มชื้นปานกลาง

ถิ่นกำเนิด

ป่าเบญจพรรณแล้งและชื้นทั่วไป

วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

ดอกจำปูน ดอกไม้ประจำจังหวัดพังงา

ดอกไม้ประจำจังหวัดพังงา-ดอกจำปูน


ดอกจำปูน
ดอกไม้ประจำจังหวัดพังงา

ดอกไม้ประจำจังหวัด

พังงา

ชื่อดอกไม้

ดอกจำปูน

ชื่อสามัญ

Jum-poon

ชื่อวิทยาศาสตร์

Anaxagorea siamensis

วงศ์

ANNONACEAE

ชื่ออื่น

ลักษณะทั่วไป

เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ต้นใบและกิ่งคล้ายๆ กระดังงา ลำต้นสูงประมาณ 10-15 เมตร กิ่งก้านจะเกลี้ยง ลำต้นตรง เปลือกเรียบมีสีเทาคล้ำ ใบสีเขียวเป็นมัน พื้นใบเกลี้ยง ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามยอดหรือโคนก้านใบ ลักษณะดอกจะแข็ง มีสีขาวเป็นมัน มี 3 กลีบ เมื่อบานเต็มที่ประมาณ 1 นิ้ว มีกลิ่นหอมแรงตอนกลางวัน

การขยายพันธุ์

โดยการเพาะเมล็ดและการตอนกิ่ง แต่เพาะเมล็ดจะได้ผลดีกว่า

สภาพที่เหมาะสม

เป็นไม้กลางแจ้ง ขึ้นได้ในดินทุกชนิด

ถิ่นกำเนิด

ภาคใต้ของประเทศไทย

ดอกโสน ดอกไม้ประจำจงหวัด พระนครศรีอยุธยา

ดอกไม้ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา-ดอกโสน


ดอกโสน
ดอกไม้ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ดอกไม้ประจำจังหวัด

พระนครศรีอยุธยา

ชื่อดอกไม้

ดอกโสน

ชื่อสามัญ

ชื่อวิทยาศาสตร์

Sesbania aculeata

วงศ์

LEGUMINOSAE

ชื่ออื่น

โสน, โสนหิน, โสนกินดอก (ภาคกลาง), ผักฮองแฮง (ภาคเหนือ)

ลักษณะทั่วไป

เป็นไม้ล้มลุก เป็นพุ่มขนาดกลาง ลำต้นสูงเปราะบางเพราะไม่มีแก่น สูงประมาณ 2–3 เมตร มีกิ่งก้านห่างๆ ใบเล็กฝอยคล้าย กับใบมะขามหรือใบกระถิน ดอกสีเหลืองคล้ายดอกแค แต่ดอกเล็กกว่า มีฝักยาว มีเมล็ดในฝักคล้ายกับถั่วเขียวแต่ฝักยาวกว่า

การขยายพันธุ์

โดยเมล็ด

สภาพที่เหมาะสม

ที่ชื้นแฉะ ริมคลอง ริมคูน้ำ

ถิ่นกำเนิด

ดอกชบา ดอกไม้ประจำจังหวัดปัตตานี

ดอกไม้ประจำจังหวัดปัตตานี-ดอกชบา


ดอกชบา
ดอกไม้ประจำจังหวัดปัตตานี

ดอกไม้ประจำจังหวัด

ปัตตานี

ชื่อดอกไม้

ดอกชบา

ชื่อสามัญ

Shoe flower

ชื่อวิทยาศาสตร์

Hibiscus spp.

วงศ์

MALVACEAE

ชื่ออื่น

Hibiscus, Rose of China

ลักษณะทั่วไป

เป็นไม้พุ่มเตี้ย ดอกมีทั้งซ้อน และไม่ซ้อน มีสีต่างๆ กัน เช่น สีแดง สีเหลือง สีขาว สีชมพู สีงาช้าง มีทั้งดอกโต และดอกเล็ก ใบเป็นใบเดี่ยว รูปมน ขอบใบเป็นรอยหยัก ปลายใบแหลม ชบาเป็นไม้เนื้ออ่อนมีเปลือกไม้ค่อนข้างเหนียว

การขยายพันธุ์

โดยการตอนกิ่ง หรือปักชำ

สภาพที่เหมาะสม

ดินร่วนซุย แสงแดดปานกลาง

ถิ่นกำเนิด

เขตร้อน จีน, อินเดีย และฮาวาย

ดอกปีป ดอกไม้ประจำจังหวัดปราจีนบุรี

ดอกไม้ประจำจังหวัดปราจีนบุรี-ดอกปีป


ดอกปีป
ดอกไม้ประจำจังหวัดปราจีนบุรี

ดอกไม้ประจำจังหวัด

ปราจีนบุรี

ชื่อดอกไม้

ดอกปีป

ชื่อสามัญ

Cork Tree

ชื่อวิทยาศาสตร์

Millingtonia hortensis Linn. F.

วงศ์

BIGNONIACEAE

ชื่ออื่น

กาซะลอง กาดสะลอง (ภาคเหนือ), เต็กตองโพ่ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ปีบ (ภาคกลาง)

ลักษณะทั่วไป

เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ลำต้นสูงประมาณ 10–20 เมตร เปลือกลำต้นสีเทา ขรุขระ ใบออกเป็นช่อ ลักษณะใบกลมรี ขอบใบเรียบ โคนใบมนใต้ใบเห็นเส้นใบชัดเจน ดอกออกเป็นช่อ ตั้งตรงลักษณะเป็นท่อยาวประมาณ 2–3 นิ้ว สีขาวปนเหลืองขนาด 2 เซนติเมตร ปลายกลีบ ดอกเป็นแฉก 5 แฉก ตรงกลางดอกมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียติดอยู่ด้านในใกล้ปากท่อ ผลมีลักษณะเป็นฝักแบน ภายในมีเมล็ดลักษณะแบน

การขยายพันธุ์

โดยการเพาะเมล็ด และการปักชำ

สภาพที่เหมาะสม

ดินร่วนซุย แสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง

ถิ่นกำเนิด

ไทย, พม่า